Proof of Work คืออะไร?

proof-of-work

proof of work คืออะไร? สำคัญต่อคริปโตอย่างไร ?

คนที่พึ่งศึกษาคริปโต หรือพึ่งเริ่มสนใจอยากจะลงทุนในค่าเงินดิจิตอลอย่าง Cryptocurrency แน่นอนว่าน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของ proof of work กันผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นโปรเจคเล็ก โปรเจคใหญ่ หรือแม้กระทั่งเหรียญเจ้าตลอดอย่าง BTC และ ETH ก็พูดถึงคำนี้กันอยู่บ่อยครั้ง จนหลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า proof of work คืออะไร ? มีความสำคัญ หรือความจำเป็นต่อการลงทุนในคริปโตแค่ไหน วันนี้ เราไปดูพรัอมกันเลยว่า proof of work นั้นคืออะไรกันแน่

ความหมายของ proof of work

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ proof of work กันก่อนเลย หลาย ๆ คนมักจะเข้าใจผิดว่า proof of work จะมีเฉพาะในวงการคริปโต หรือใช้งานสำหรับคริปโตเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว proof of work คือแนวคิด หรือหลักการ ในการทำงานของกลไกทางคณิตศาสตร์ ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาตั้งแต่ปี 1993 โดย Cynthia Dwork นักวิทยาการคอมพิวเตอร์ชาวอเมริกา และ Moni Naor นักวิทยาการคอมพิวเตอร์ชาวอิสราเอล 

ในตอนแรก proof of work ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหา Double spending ในยุคแรกเริ่มของอินเตอร์เน็ต ในช่วงนั้นปัญหาใหญ่ ๆ ของการใช้อินเตอร์เน็ตก็คือ การอัปโหลดหรือดาวน์โหลดข้อมูลได้อย่างไม่ครบถ้วน ขาดบ้าง เกินบ้าง ไปโหลดข้อมูลจากที่อื่นที่ไม่ได้ต้องการบ้าง แต่ proof of work จะเข้ามาสร้างลายเซ็นของแต่ละไฟล์บนอินเตอร์เน็ต ไม่ให้ซ้ำกัน และให้ทุกไฟล์ถือเป็น 1 หากมี 1 ครั้งที่สอง จะต้องถูกแปลงกลายเป็น 2

Proof of Work กับโลก Crypto

เมื่อ Bitcoin สกุลเงินดิจิตอลแรกของโลก ถือกำเนิดขึ้น ก็ได้นำแนวคิดของ proof of work มาใช้งานในระบบ blockchain ของตัว bitcoin

หากพูดศัพท์เทคนิคอาจจะยากมากเกินไป เราเลยจะขอพูดด้วยศัพท์บ้าน ๆ สำหรับ proof of work คือหลักการในการยืนยันธุรกรรมของ Bitcoin ที่ในแต่ละครั้ง จะต้องได้รับการยืนยันจาก miner หรือนักขุดก่อน ธุรกรรมเหล่านั้นจึงจะทำงานได้อย่างสำเร็จ นี่คือหลักการทำงานหลัก ๆ ของ proof of work สรุปง่าย ๆ ก็คือ ต่างคนต่างยืนยันธุรกรรมของกันและกันนั่นเอง นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ Bitcoin ถือเป็นสกุลเงินที่ไม่มีวันมีของปลอม ไม่ทีวันทำซ้ำ และไม่มีวันสร้างใหม่ได้ เนื่องจากถูกครอบด้วยหลักการทำงานของ proof of work ซึ่งจะต้องถูกยืนยันด้วย miner หากพบธุรกรรมที่มีความผิดปกติ หรือเป็นของปลอม ก็จะถูกปฏิเสธ และทำให้ธุรกรรมนั้นไม่สามารถทำงานต่อได้นั่นเอง

ซึ่งในปัจจุบันนี้แนวคิดของ proof of work ใน bitcoin ก็มีการพัฒนาให้ทำงานเร็วมากขึ้น ใช้ทรัพยากรน้อยลง และแม่นยำมากขึ้น ทำให้ Bitcoin ยังคงมีความสเถียรตลอดช่วงชีวิตของมันเลยทีเดียว

Proof of Work และผลตอบแทนของ miner

อย่างที่ก่อนหน้านี้เราได้บอกไปแล้วว่า miner จะต้องยืนยันธุรกรรมใน blockchain แล้ว miner ได้อะไรล่ะ ? แน่นอนว่าก็ได้ bitcoin เป็นผลตอบแทน หรือที่เราเข้าใจกันว่า นักขุด bitcoin แล้วได้เงินนั่นเอง โดยในอดีต miner ได้ผลตอบแทนต่อการยืนยันธุรกรรม 1 ครั้งตั้งแต่ 2-3 bitcoin เลยทันที แต่เป็นช่วงที่ bitcoin มีราคาไม่ถึง 1000 บาท จนในปัจจุบันนี้ที่มีราคาประมาณ 1 ล้านบาท ก็ได้ bitcoin น้อยลงมาก ๆ ซึ่งหลักการแบบนี้เรียกว่า halving นั่นเอง

สรุป

หลาย ๆ คนที่ลงทุนใน Bitcoin อาจจะยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับ proof of work แต่ทางเราอยากแนะนำให้คุณศึกษามันและทำความเข้าใจเกี่ยวกับมัน เนื่องจาก proof of work คือหลักการทำงานที่สำคัญที่สุดของ Bitcoin และทำให้ Bitcoin เป็น Bitcoin ทุกวันนี้ หากคุณเข้าใจหลักการทำงานของมันอย่างละเอียด คุณจะสามารถทำกำไรจากมันได้อย่างมั่นคง และมีความรู้ในการลงทุนมากขึ้น ปลอดภัย รักษาเงินทุนในการลงทุนของคุณมากขึ้น